โบกมือลาฟันแท้ ต้อนรับฟันใหม่ด้วยการ ทำรากเทียมทั้งปาก
การ “ทำรากเทียมทั้งปาก” ไม่เพียงแต่เป็นการแก้ปัญหาเรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยฟื้นฟูการทำงานของช่องปากได้อย่างครบถ้วน ทำให้ผู้ป่วยสามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ พูดได้ชัดเจน และยังช่วยป้องกันการละลายตัวของกระดูกขากรรไกรอีกด้วย
การสูญเสียฟันแท้เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านการบดเคี้ยวอาหาร การพูด หรือแม้แต่ความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้คุณต้องเสาะหาทางแก้ปัญหา ซึ่งในปัจจุบันมีวิธีการแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการทำรากเทียมทั้งปาก ซึ่งเป็นทางออกที่ช่วยให้ผู้ที่สูญเสียฟันแท้ทั้งปากสามารถกลับมามีรอยยิ้มที่สวยงามและใช้งานฟันได้เหมือนธรรมชาติอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าปัญหาการสูญเสียฟันแท้หลายซี่หรือทั้งปากเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้สูงอายุเท่านั้น ความจริงแล้ว การสูญเสียฟันแท้สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย มาดูกันว่าแต่ละช่วงอายุมีสาเหตุของการสูญเสียฟันแท้อย่างไรบ้าง
ทำรากเทียมทั้งปาก เพราะสูญเสียฟันแท้หลายซี่หรือทั้งปาก เกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุ
- วัยรุ่น (17-21 ปี)
- อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬาหรือกิจกรรมเสี่ยง
- โรคฟันผุรุนแรงจากการรับประทานอาหารหวานและขาดการดูแลสุขอนามัยในช่องปาก
- วัยผู้ใหญ่ตอนต้น (22-40 ปี)
- อุบัติเหตุจากการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน
- โรคฟันผุรุนแรง และโรคปริทันต์ในระยะเริ่มต้น
- ฟันแตก ฟันร้าว
- วัยกลางคน (41-60 ปี)
- โรคปริทันต์ในระยะรุนแรง ที่ทำให้กระดูกเบ้าฟันละลาย
- ฟันผุแล้วรักษาไม่ทัน จนต้องถอนฟันทิ้ง
- ฟันสึก ฟันแตก ฟันร้าว
- โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ที่ส่งผลต่อสุขภาพช่องปาก
- วัยสูงอายุ (60 ปีขึ้นไป)
- การเสื่อมสภาพของกระดูกขากรรไกรและเนื้อเยื่อรอบรากฟัน
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิดที่ทำให้ปากแห้ง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ
- โรคประจำตัวที่ส่งผลต่อการหายของแผลในช่องปาก
จะเห็นได้ว่า การสูญเสียฟันแท้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้สูงอายุเท่านั้น ดังนั้น การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอและการพบทันตแพทย์เป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกช่วงวัย
หากสูญเสียฟันแท้ทั้งปาก ควรทำรากเทียมทั้งปาก!
เมื่อเกิดการสูญเสียฟันแท้ทั้งปาก ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม สิ่งสำคัญคือการหาทางออกเพื่อให้กลับมาใช้งานฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็วที่สุด นั่นคือ การทำรากเทียมทั้งปากด้วยระบบดิจิทัล ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางทันตกรรมที่ช่วยให้ผู้สูญเสียฟันแท้ทั้งปากกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับเคสตัวอย่างเคสนี้ “ทำรากเทียมทั้งปาก พร้อมมีฟันใหม่ได้ภายใน 7 วัน (All-on-4 Dental Implants)” ที่ BFC Dental
ทำรากฟันเทียมทั้งปาก ด้วยระบบ Digital เสร็จเร็วเพียงไม่กี่นัดหมาย พร้อมมีฟันใหม่ได้ภายใน 7 วัน
สำหรับเคสนี้มีการถอนฟันแท้ที่ไม่สามารถใช้งานได้ออก เพื่อฝังรากเทียม โดยมีการฝังรากเทียมทั้งหมด 4 ตัวในขากรรไกรบน (ฟันบน) และรากเทียมอีก 4 ตัวในขากรรไกรล่าง (ฟันล่าง) พร้อมใส่สะพานฟันแบบติดแน่น วัสดุอะคริลิก (PMMA) พร้อมมีฟันใหม่ได้ภายใน 7 วัน
ทำไมต้องทำรากเทียมทั้งปากด้วยระบบดิจิทัล ที่ BFC Dental ?
- ทำรากเทียมทั้งปากด้วยระบบดิจิทัลมีความแม่นยำสูง: ระบบดิจิทัลช่วยในการวางแผนการรักษาและออกแบบรอยยิ้มให้เหมาะสมกับใบหน้าของคนไข้แต่ละคน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ
- ทำรากเทียมทั้งปากด้วยระบบดิจิทัลใช้ระยะเวลารักษาสั้น: ใส่สะพานฟันอะคริลิกได้ 1-3 วันหลังฝังรากเทียม โดยสะพานฟันอะคริลิกจะเป็นสะพานฟันชั่วคราว ส่วนใหญ่จะแนะนำให้มาเปลี่ยนเป็นสะพานเซรามิกอีกครั้งในภายหลัง 4-6 เดือน จะเป็นการเปลี่ยนจากสะพานฟันอะคริลิกเป็นเซรามิกที่มีความสวยงามและทนทานมากกว่า โดยจะเสร็จภายใน 2 นัดหมาย
- ทำรากเทียมทั้งปากด้วยระบบดิจิทัลมีความทนทาน: รากเทียมทำจากไทเทเนียม ซึ่งเป็นวัสดุที่แข็งแรงและเข้ากันได้ดีกับร่างกายมนุษย์ ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน
- ทำรากเทียมทั้งปากด้วยระบบดิจิทัลกลับมาบดเคี้ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ: รากเทียมจะยึดติดกับกระดูกขากรรไกร ทำให้สามารถรับแรงบดเคี้ยวได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ไม่ต้องกังวลฟันปลอมหลุดหรือหลวมขณะใช้งาน
- ทำรากเทียมทั้งปากด้วยระบบดิจิทัลป้องกันการละลายของกระดูกขากรรไกร: เมื่อสูญเสียฟันไป กระดูกขากรรไกรจะค่อยๆ ละลาย แต่รากเทียมจะช่วยให้กระดูกคงสภาพอยู่ได้
การสูญเสียฟันแท้ทั้งปากเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย แต่ด้วยเทคโนโลยีทันตกรรมสมัยใหม่ การทำรากเทียมทั้งปากด้วยระบบดิจิทัลจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูการใช้งานของฟันและรอยยิ้ม ช่วยให้คุณกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างรวดเร็ว พร้อมมีรอยยิ้มที่สวยงาม และเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลเป็นสิ่งสำคัญที่สุด