ไม่ต้องรอนาน! ฝังรากเทียม แล้วใส่ฟันได้เร็ว ด้วยเทคโนโลยีที่ใช้วัดความเสถียรของรากเทียม
ใครว่า ฝังรากเทียม ต้องรอหลายเดือนถึงจะใส่ฟันได้? ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้กระบวนการนี้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เทคโนโลยี Immediate Loading หรือการใส่ฟันภายในไม่กี่วันหลังฝังรากเทียม ซึ่งทำให้คนไข้ไม่ต้องรอนานอีกต่อไป
ปัจจัยที่ทำให้ฝังรากเทียมแล้วใส่ฟันได้เร็ว
การจะใส่ฟันได้เร็วหลังจากฝังรากเทียมขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้ ซึ่งต้องพิจารณาร่วมกัน
- ความหนาแน่นของกระดูกในแต่ละชั้น
-
- กระดูกเปลือกแข็ง (Cortical Bone) : หากมีความหนาแน่นสูง จะช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับรากเทียม
- กระดูกรูพรุน (Cancellous Bone) : มีความหนาแน่นมากน้อยเพียงใด มีผลต่อการยึดรากเทียมเช่นกัน
- การวางแผนการฝังรากเทียมให้เหมาะสม : ฝังรากเทียมด้วยวิธีที่ลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อและกระดูก (Less Trauma หรือ Atraumatic) จะลดโอกาสเกิดภาวะกระดูกชั้นในละลาย (Bone Resorption)
ผิวรากเทียมในปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้ยึดเกาะกับกระดูกได้รวดเร็วขึ้น บวกกับการวางแผนการฝังรากเทียมอย่างเหมาะสม รากเทียมจึงสามารถรองรับการใส่ฟันได้ในเวลาอันรวดเร็ว
รู้ได้อย่างไรว่ารากเทียมเสถียรพอจะใส่ฟัน
แม้การฝังรากเทียมจะทำได้ดีแค่ไหน แต่คำถามสำคัญคือ “จะรู้ได้อย่างไรว่ารากเทียมเสถียรพอจะใส่ฟันแล้วหรือยัง?” คำตอบอยู่ที่เครื่องมือวัดความเสถียรของรากเทียมที่ชื่อว่า Anycheck
Anycheck คือเครื่องมือเฉพาะทางที่ใช้วัดค่าความเสถียรของรากเทียม หรือที่เรียกกันว่า ISQ (Implant Stability Quotient) โดยวัดจากการตอบสนองของรากเทียมต่อแรงกระตุ้นเบา ๆ แบบไม่ต้องถอดอุปกรณ์ใด ๆ ออก
เครื่อง Anycheck จะปล่อยแรงกระแทกเบา ๆ ไปที่ Abutment หรือ Healing Cap แล้ววิเคราะห์การตอบสนองของรากเทียมในกระดูกขากรรไกร ค่า IST (Implant Stability Test) ที่ได้จากเครื่อง Anycheck เหมาะสมสำหรับการใส่ฟันบนรากเทียม จะอยู่ที่
- IST ≥ 70 : รากเทียมมีความเสถียรสูง สามารถใส่ฟันได้ทันที
- IST 60 – 69 : ค่าอยู่ในเกณฑ์พอเหมาะ อาจใส่ฟันได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ และปัจจัยประกอบอื่น เช่น ประเภทของกระดูก หรือจำนวนรากเทียมที่ใช้ร่วมกัน
- IST < 60 : ยังไม่แนะนำให้ใส่ฟันทันที ควรรอให้รากเทียมยึดแน่นกับกระดูกมากขึ้นก่อน
โดยทั่วไป ทันตแพทย์จะวัดค่า IST ประมาณ 2–3 ครั้งในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงของรากเทียม ดังนี้
- ทันทีหลังฝังรากเทียม – วัดค่าเริ่มต้น เพื่อดูว่ารากเทียมแน่นแค่ไหนตั้งแต่แรก
- หลังผ่านไป 2–4 สัปดาห์ – เพื่อตรวจดูการเปลี่ยนแปลงว่ารากเทียมเริ่มยึดกับกระดูกดีขึ้นหรือไม่
- ก่อนใส่ฟันจริง – เพื่อยืนยันว่ารากเทียมมีความมั่นคงเพียงพอสำหรับรองรับฟันปลอมแบบถาวร
โดยสัปดาห์ที่ 1 หรือ 2 จนถึงสัปดาห์ที่ 8 ค่าความเสถียรของรากเทียมจะตก หากเกิดการบาดเจ็บ (Trauma) หลังฝังรากเทียม ในทางตรงกันข้าม หากทำให้เกิด Trauma น้อยที่สุด ค่าความเสถียรของรากเทียมจะคงที่ ลดลงเพียงเล็กน้อย หรือเพิ่มขึ้น เช่น วันแรกวัดได้ 85 อีก 1 อาทิตย์ถัดมาวัดได้ 85 – 86 ก็สามารถพิมพ์ปากเตรียมใส่สะพานพันได้เลย บางเคสในสัปดาห์ที่ 2 หลังฝังรากเทียม ก็สามารถใส่ฟันได้เลย เพราะค่าความเสถียรของรากเทียมคงที่ ด้วยการใช้เครื่องมือ Anycheck จะช่วยให้ทันตแพทย์สามารถตัดสินใจใส่ฟันได้อย่างมั่นใจ ลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อนเพราะใส่ฟันเร็วเกินไปได้
เมื่อฝังรากเทียมเรียบร้อยแล้ว และมีการตรวจวัดค่าความเสถียรด้วย Anycheck จนมั่นใจว่ารากเทียมมีความเสถียรพอ ทันตแพทย์สามารถเข้าสู่กระบวนการ Immediate Loading ได้ทันที การใส่ฟันในขั้นตอนนี้จะเป็นการใส่ครอบฟันจริง ซึ่งจะช่วยให้คนไข้สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ
เทคโนโลยีใหม่ช่วยให้ฝังรากเทียมแล้วใส่ฟันได้เร็วกว่าเดิม
ไม่ต้องรอนานอีกต่อไป! เทคโนโลยีการฝังรากเทียม การวางแผนที่แม่นยำและปลอดภัย ร่วมกับการวัดความเสถียรด้วย Anycheck จะช่วยให้คนไข้สามารถใส่ฟันได้เร็วภายในไม่กี่วัน หากคุณกำลังพิจารณาทำรากเทียม และอยากรู้ว่าจะใส่ฟันได้เร็วแค่ไหน ลองปรึกษาทันตแพทย์ที่ BFC Dental เพื่อกู้คืนรอยยิ้มมั่นใจให้กลับคืนในเวลาอันสั้น