แผลร้อนใน ปัญหาที่เป็นบ่อย เกิดจากอะไร
แผลร้อนใน เป็นบ่อยจนน่าเบื่อ เกิดจากสาเหตุอะไร? โรคที่เกิดบริเวณเนื้อเยื่อบุในช่องปาก หรือแผลร้อนใน เป็นอีกหนึ่งโรคที่สร้างความเจ็บปวดและความลำบากในยามทานอาหารได้ไม่น้อย
เพราะแผลที่เป็นจุดหรือตุ่มแดง ซึ่งจะพัฒนาไปเป็นแผลเปิด รูปร่างกลมหรือรี มีสีขาวเหลือง ขอบเป็นสีแดงนูนออกมา ที่มักจะเกิดขึ้นบริเวณริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม ลิ้น เหงือก และเพดานปาก โดยลักษณะแผลร้อนในสามารถแบ่งได้ 3 ชนิด ตามระดับความรุนแรง ดังนี้
- แผลร้อนในเล็ก พบได้เยอะที่สุด มีลักษณะเป็นแผลรูปร่างกลม ตื้นๆ ไม่บวมนูน มีสีขาวหรือเหลือง ขนาดไม่เกิน 1 เซนติเมตร
- แผลร้อนในใหญ่ เป็นแผลลึก ขอบบวม มีขนาดใหญ่กว่า 1 เซนติเมตร และมีอาการเจ็บรุนแรงมากกว่าแผลเล็ก
- แผลร้อนในชนิดคล้ายเริม มีลักษณะเป็นตุ่มใสหลายๆ ตุ่ม ขึ้นกระจุกตัว เมื่อตุ่มเหล่านั้นแตกจะกลายเป็นแผลใหญ่ ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บรุนแรงกว่า 2 ชนิดก่อนหน้า
ส่วนใหญ่อาการของแผลร้อนในจะกินระยะเวลา 1 – 2 สัปดาห์ หรืออาจนานถึง 1 เดือน กว่าจะหายสนิท ทั้งนี้ แม้จะพบโรคนี้ได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่แผลร้อนในก็มักพบได้บ่อยในช่วงวัยรุ่นหนุ่มสาว โดยพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งการเป็นโรคนี้มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง มาดูกันเลย
แผลร้อนใน เกิดจากสาเหตุอะไร ?
- พันธุกรรม
- ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน
- ขาดวิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก ธาตุสังกะสี และกรดโฟลิก
- มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
- ติดเชื้อไรรัส และแบคทีเรียบางชนิด
- แพ้อาหารและสารเคมีบางชนิด เช่น การแพ้สารบางอย่างในยาสีฟัน
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน ยาอะเลนโดรเนตที่ใช้รักษาโรคกระดูกพรุน
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ
- เกิดภาวะความเครียดและความกังวล
- การรับประทานอาหารรสจัดเกินไป และอาหารมีฤทธิ์ร้อน เช่น ของทอด ของมัน
- การบาดเจ็บในช่องปาก เช่น การกัดโดนกระพุ้งแก้ม การแปรงฟันแรงจนเกินไป การกระแทกจากการเล่นกีฬา
- สภาพอากาศร้อนจัด ก็เป็นอีกต้นเหตุที่ทำให้เกิดแผลร้อนใน
- เกิดจากอุปกรณ์จัดฟันเสียดสี ในกรณีของผู้ที่เข้ารับการจัดฟันชนิดโลหะ
และเมื่อเกิดแผลร้อนในในช่องปากของคุณ แนวทางในการรักษาโรคนี้ด้วยตัวคุณเองอันดับแรก คือ การดื่มน้ำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยควรใช้หลอดดูด เพื่อเลี่ยงไม่ให้น้ำสัมผัสกับแผลโดยตรง
- บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ วันละ 2 – 3 ครั้ง เพื่อทำความสะอาดช่องปาก ลดแบคทีเรีย และช่วยรักษาแผล
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารรสจัด ของทอด ขนมหวาน และแอลกอฮอล์ รวมถึงงดสูบบุหรี่ด้วย
- ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม และอาจจำเป็นต้องใช้ยาสีฟันเด็ก เพื่อลดอาการแสบ โดยต้องแปรงอย่างเบามือ
- หากแผลมีอาการรุนแรงให้ใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดทา ป้ายบริเวณที่เกิดแผล เพื่อลดอาการอักเสบ และทำให้แผลหายเร็วขึ้น แต่ถ้าแผลยังไม่หายภายใน 3 สัปดาห์ โดยยังมีอาการเจ็บรุนแรงอยู่ ควรไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาได้อย่างถูกวิธี
เพราะแผลร้อนใน เป็นโรคที่สร้างความเจ็บปวด และความลำบากให้คุณในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการกิน และการพูดคุย อีกทั้งยังทำให้เสียบุคลิกได้หากแผลเริ่มเป็นหนอง เนื่องจากจะทำให้คุณเริ่มมีกลิ่นปาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกับคุณอีก ทางที่ดีคุณจะต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของทอด และของมัน ดื่มน้ำในอุณหภูมิห้องอย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว พักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลความสะอาดของช่องปากด้วยการแปรงฟันหลังทานอาหารเป็นประจำ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และท้ายที่สุด อย่าลืมพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็กสุขภาพฟันและช่องปากทุก ๆ 6 เดือน อีกหนึ่งสิ่งจำเป็นที่คุณละเลยไม่ได้ เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี หากสนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพช่องปาก หรือปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงได้ที่ BFC Dental ทุกสาขา