การทำ รากเทียมทั้งปาก ด้วยระบบ Digital
การทำ รากเทียมทั้งปาก มีนวัตกรรมสมัยใหม่ได้ก้าวสู่ยุค Digital แล้ว โดยเราสามารถออกแบบรูปแบบของฟัน และรอยยิ้มผ่าน Software โดยใช้เครื่อง Intraoral Scanner (เครื่องสำหรับใช้ในการสแกนฟัน หรือสแกนช่องปาก)
Intraoral Scanner
ตัวอย่างเคสการทำรากเทียมทั้งปาก (Full mouth rehabilitation):
ขั้นตอนการทำรากเทียมโดยหลักๆ เราจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนคือ:
- การฝังรากเทียม
- การพิมพ์หรือสแกนเพื่อทำครอบฟัน
- การใส่ครอบฟัน
จากรูปดังกล่าว:
Figure 1:
คนไข้มาด้วยปัญหาคือไม่มีฟันบนที่สามารถเคี้ยวได้โดยคนไข้ได้ทำการใส่ฟันปลอมมาเป็นเวลาหลายปีแล้วแต่ฟันปลอมเริ่มหลวม และเสื่อมสภาพ อันดับแรกจะทำการถ่ายภาพ x-ray แบบ 2 และ 3 มิติ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนรักษา ซึ่งข้อดีของ x-ray 3 มิติ คือจะทำให้สามารถประเมินสภาพของกระดูก ตำแหน่งของเส้นประสาท และโพรงไซนัส (Sinus) ซึ่งจะสามารถทำให้เราวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำได้ ในกรณีเคสนี้มีการวางแผนใส่รากเทียมทั้งหมด 6 ตัว และทำการใส่ฟันทั้งหมด 10 ซี่ โดยมีการวางแผนที่จะเติมกระดูกเนื่องจากปริมาณกระดูกในหลายตำแหน่งมีไม่เพียงพอ
Figure 2:
ทำการผ่าตัดเพื่อใส่รากเทียมทั้งหมด 6 ตัว
Figure 3:
ทำการเจาะเลือดคนไข้ และนำเลือดไปปั่น (Centrifuge) เพื่อให้ได้ PRF (Platelet-rich fibrin) ซึ่งในตัวแผ่นจะมีสารที่เรียกว่า growth factor ซึ่งจะช่วยทำให้การหายตัวของแผลเร็วขึ้น และยังสามารถทำให้กระดูกที่เติมเข้าไปเกิดการรวมตัวเร็วขึ้น
Figure 4:
ทำการใส่ตัวผายเหงือก (Healing abutment) และทำการเย็บแผล หลังจากนั้นจะรอให้แผลหายรวมไปถึงการรอให้ร่างกายเกิดกระบวนการ osteointegration หรือรอเวลาเพื่อให้รากเทียมสมานกับกระดูกเป็นเนื้อเดียวกัน และมีความแข็งแรงสูงสุด โดยกระบวนการทั้งหมดจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน
Figure 5:
หลังจากแผลหาย และเกิดกระบวนการ osteointegration อย่างสมบูรณ์ ในขั้นตอนต่อไปจะเป็นการต่อรากเทียมด้วย scan body คือตัวพิมพ์แบบ digital โดยเราสามารถใช้เครื่อง intraoral scanner หรือเครื่องสแกนฟันดิจิทัลโดยไม่ต้องมีการพิมพ์ปากแบบเก่า สำหรับตัว scan body จะสามารถบอกความสัมพันธ์ของตำแหน่งรากเทียมได้เพื่อจะใช้ในการนำไปต่อกับครอบฟันเทียมในขั้นตอนต่อไป
Figure 6:
ออกแบบสะพานฟันด้วยระบบดิจิทัลใน software เพื่อให้เห็นลักษณะ รูปร่างของฟัน รวมไปถึงการสบฟัน ซึ่งข้อดีคือจะทำให้เราสามารถเห็นผลลัพธ์ และยังช่วยลดขั้นตอนการแก้งานในช่องปากได้เนื่องจากปัจจัยทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ผ่าน software หรือที่เรียกกันว่า Computer-Aided-Design (CAD)
Figure 7:
ทำการผลิตสะพานฟัน โดยผ่านวิธีการกลึงตัดด้วยคอมพิวเตอร์ที่ทำการสั่งงานผ่านระบบ software ที่เราได้ออกแบบไว้ในตอนแรก ซึ่งขั้นตอนผลิตนี้เรียกว่า Computer-Aided-Manufacturing (CAM) โดยวัสดุที่ใช้จะเป็น monolithic zirconia ซึ่งเป็นวัสดุหนึ่งในกลุ่ม ceramic ที่มีคุณสมบัติเรื่องความแข็งแรงสูง สวยงาม และมีสีคล้ายฟันจริง
Figure 8:
ขั้นตอนนี้จะเป็นการทำการใส่สะพานฟัน และแก้การสบฟันโดยขั้นตอนทั้งหมดคนไข้สามารถมีฟันทั้งปากพร้อมใช้งานภายในระยะเวลาการรักษาไม่ถึง 3 เดือน โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะอยู่ที่ 330,000 บาท ซึ่งในแต่ละเคสจะมีราคาที่แตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับสภาพกระดูกของคนไข้ ขั้นตอนการรักษาแบบสะพานฟันบนรากเทียมคนไข้จะสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ เนื่องจากว่าการรักษาด้วยวิธีนี้จะมีลักษณะเป็นฟันติดแน่นเสมือนฟันธรรมชาติ และทำให้รอยยิ้มและคุณภาพชีวิตของคนไข้ดีขึ้นแน่นอน